ต้นหวาย
หวายเป็นไม้ที่ ลำต้นและกาบใบมีหนาม รากเป็นระบบรากแขนง ดอกช่อประกอบด้วยกลุ่มแขนงช่อดอก ดอกไม่สมบูรณ์เพศ จะสร้างช่อดอกออกจากลำต้นส่วนที่มีกาบหุ้ม เปลือกผลมีลักษณะเป็นเกล็ดซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ ผลค่อนข้างกลม ผลอ่อนสีเขียวเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีขาว
การเพาะขยายพันธุ์ให้นำเมล็ดหวายที่แก่จัดมากะเทาะและล้างเมือกสีแดงออก แล้ว นำมาผึ่งลมให้แห้งประมาณ 1-2 วัน จากนั้นนำมาเพาะลงในภาชนะที่รองด้วยวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดี เช่น ขุยมะพร้าว แล้วใส่ดินตามลงไป โรยเมล็ดหวาย กลบดินทับหนาประมาณ 1 ซม. รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยพลาสติกเพื่อไม่ให้น้ำระเหย เก็บไว้ในที่ร่มรำไร ดูแลอย่าให้ดินแห้ง เมื่อกล้าหวายสูงประมาณ 2-5 ซม. ย้ายชำลงในถุงที่เตรียมไว้ ขนาด 5x8 นิ้ว
เมื่อกล้าหวายมีความสูงประมาณ 30 ซม. หรือมีใบ 4-6 ใบ นำมาปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ขนาด 30x30x30 ซม. ระยะห่าง 2x2 เมตร โดยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักหลุมละประมาณ 1/2 ปี๊บ จากนั้นนำกล้าหวายที่เตรียมไว้ลงปลูก เมื่อหวายมีอายุได้ 6 เดือน หลังย้ายปลูก ควรทำการเสริมดินที่โคนต้น เพื่อไม่ให้รากลอย
การเพาะกล้าหวาย นิยมเพาะลงในแปลงเพาะ ที่ได้จัดเตรียมไว้ก่อน เพราะจัดทำได้สะดวก และมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง แล้วจึงย้ายชำกล้าลงถุงพลาสติก แล้วเก็บรักษาไว้ในเรือนเพาะชำ ขนาดของแปลงเพาะ จะมีขนาดเท่าใด ขึ้นอยู่กับปริมาณของเมล็ดที่จะเพาะในครั้งหนึ่ง ๆ หรือปริมาณกล้าที่ต้องการ ความกว้างของแปลงเพาะประมาณ 1 เมตร ความยาวไม่จำกัด แปลงเพาะควรหลีกเลี่ยงการได้รับแสงโดยตรงจากดวงอาทิตย์ โดยการคลุมหลังคาแปลงเพาะ ด้วยทางมะพร้าว หรือใบปาล์ม ซึ่งเป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นวัสดุที่ใช้ในการเพาะเมล็ดหวาย จะประกอบด้วยส่วนผสมของหน้าดินประมาณ 75% และทรายประมาณ 25% วิธีการเพาะ ขึ้นอยู่กับขนาดของเมล็ดหวายแต่ละชนิด หวายที่มีเมล็ดขนาดเล็ก ใช้วิธีการหว่านกระจาย ส่วนหวายที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ จะฝังเมล็ดเป็นแถว หลังจากหว่านเมล็ดเรียบร้อยแล้ว จะใช้ขี้เลื่อยโดยทับบาง ๆ เพื่อช่วยรักษาความชื้น หรือสภาพแวดล้อมให้สม่ำเสมอ เมล็ดหวายโดยปกติจะเริ่มงอกหลังจากเพาะประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะงอกหมดภายใน 9-10 สัปดาห์
การปลูกอีกวิธีหนึ่งก็คือ การแยกกอ แยกหน่อ หรือต้นกล้าที่แตกออกจากกอหวายเดิมมาปลูก โดยคัดเลือกขนาดหน่อที่ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ใช้มีดคม ๆ ตัดออกจากกอ โดยให้มีส่วนของรากติดมาก ๆ แล้วย้ายชำลงในถุงพลาสติก การย้ายชำให้ตัดใบออกเพื่อลดการคายน้ำ จนกล้าตั้งตัวได้นำไปปลูก ซึ่งดูแลรักษาเช่นเดียวกับการเพาะเมล็ด
เมื่อนำลงปลูกในแปลงแล้วควรไถพรวนเพื่อปราบวัชพืช อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งใส่ปุ๋ยคอกปีละ 2-3 กิโลกรัมต่อปี หวายจะแตกกอได้เร็วขึ้น เนื่องจากหวายไม่ค่อยมีโรค หรือแมลงรบกวน จึงไม่ควรใช้สารเคมีใด ๆ ในแปลงหวาย หลังจากตัดเก็บ ควรใส่ปุ๋ยคอกตรงโคนต้น กอละประมาณ 1-2 ลิตร จะทำให้หวายแตกหน่อใหม่ได้เร็วขึ้น ใบและกาบที่ลอกออกจากหน่อหวาย ควรนำไปเผาไฟเพื่อกำจัดหนาม และทำลายแหล่งศัตรูหวายที่อาจเกิดขึ้น
จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อหวายมีอายุ 10-14 เดือน หลังย้ายลงปลูกในแปลง โดยจะตัด 2-3 อาทิตย์ต่อครั้ง การตัดเก็บควรใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ขนาดใหญ่ โดยสวมถุงมือหนัง สวมหมวกและรองเท้าบู๊ต เพื่อป้องกันอันตรายจากหนามหวาย ต้นหวายที่จะตัดควรมียอดแทงขึ้นมาประมาณ 5-6 นิ้ว หากยอดแทงขึ้นสูงกว่านี้ จะได้ส่วนอ่อนที่ใช้รับประทานน้อยลง ตัดให้สูงกว่าพื้นดินประมาณ 1-2 นิ้ว เพื่อป้องกันการตัดถูกตาข้างส่วนโคนของหวาย ซึ่งจะเจริญเป็นหน่อหวายต่อไป
เกษตรกรจะเริ่มตัดเก็บผลผลิตได้เมื่อหวายอายุได้ 2 ปี โดยกอหวายที่สมบูรณ์อายุ 2 ปี จะมีหน่อทั้งกอ 6-8 หน่อ ซึ่งจะเป็นหน่อที่สามารถตัดขายได้ 3-4 หน่อ และในปีต่อๆไป หวายจะให้ผลผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับราคารับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง พ่อค้าจะรับซื้อในราคาหน่อละ 3 บาท เมื่อถึงผู้บริโภคแล้วราคาจะสูง ถึงหน่อละ 5-7 และหน่อหวายที่ตัดแล้ว สามารถรอการจำหน่ายได้นานถึง 7 วัน.
สรรพคุณทางยาของหวาย
สรรพคุณด้านสมุนไพร : รสขมเย็น แก้ไอ บำรุงน้ำดี แก้ร้อนในกระหายน้ำ
“แกงหวาย”สรรพคุณ : ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง แก้ร้อนใน บำรุงน้ำดี เป็นอาหารบำรุงธาตุไฟ
แสลง : ผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ หากรับประทานบ่อย ๆ จะทำให้ท้องผูกมากขึ้น ผู้เป็นโรคเหน็บชา อัมพฤกษ์ หากรับประทานบ่อย ๆ จะทำให้การรักษาไม่ได้ผล เนื่องจากแกงหวายมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น
“ตำหวาย” สรรพคุณ : สมานแผลในกระเพาะและลำไส้ ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยระบายท้อง เป็นอาหารบำรุงธาตุดิน
การประกอบอาหาร ภาคอีสาน,ภาคเหนือ : แกงหวาย ผักพริกแกง ซุปหวาย ตำหวาย แกงแค เผา-ลวก จิ้มน้ำพริกฯลฯ
ผลิตภัณฑ์จากหวาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
http://chiangmairattan.blogspot.com/2010/12/chiangmairattan.html